พระเวสสันดรชาดก
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  |  
 ตะกร้าสินค้า (0)

กัณฑ์ที่ 7 มหาพน มี 80 พระคาถา

ครั้นชูชกเดินทางไปตามคำแนะนำของเจตบุตรก็พบว่าท่านอจุตฤาษีที่อาศรมไต่ถามทุกข์สุขตามธรรมเนียมของผู้แรกพบ และเมื่อได้รับการปฏิสันถารเป็นอย่างดีของอจุตฤาษีเป็นที่พอใจแล้ว ก็เริ่มถามที่อยู่ของพระเวสสันดรโดยขอให้ช่วยบอกที่อยู่พร้อมทางที่จะไปด้วย

อจุตฤาษีไม่พอใจตัดพ้อตามอารมณ์ว่า ชูชกชะรอยจะมาขอ ชาลีกัณหาพระโอรสไปเป็นทาส หรือ ไม่ก็ขอพระนางมัทรี ไม่ใช่มาดี เป็นคนมาร้ายไม่น่าคบค้าทีเดียว

ชูชกแก้ตัวว่า ท่านอาจารย์เข้าใจผิด แต่ผมไม่โกรธดอก คนอย่างผมหรือจะมาเที่ยวขอให้เสื่อมเสียพงษ์พราหมณ์ ผมมาเพื่อเยี่ยมท่านจริงๆได้เห็นท่านเป็นกุศลได้สมาคมกับท่านเป็นความสุขตั้งแต่ท่านจากเมืองมายังไม่เลยพบปะเลยกรุณณาแนะนำให้ได้พบท่านสักหน่อยเถอะใอชูชกเอาความดีเข้าต่อเช่นนี้ อจุตฤาษีก็ใจอ่อนหลงเชื่อว่าเป็นจริง จึงให้ชูชกค้างอยู่ที่อาศรมคืนหนึ่ง ครั้นรุ่งเช้าจัดให้ชูชกบริโภคผลไม้ เผือกมัน แล้วก็พาไปต้นทางบอกทางไปอาศรมพระเวสสันดรอย่างละเอียดถี่ถ้วน พรรณนาถึงภูเขา ป่าไม้ ฝูงสัตว์ต่างๆ ด้วยเป็นป่าใหญ่ สมกับที่เรียกว่า ป่ามหาชน ชูชกกำหนดจดจำคำปนะนำของอจุตฤาษีจนเป็นที่พอใจแล้ว ก็นมัสการลาไป

จบความย่อ
ปี่พาทย์ทำเพลงเชิดกลอง

อานิสงส์

ผู้บูชากัณฑ์มหาพน จะเสวยสมบัติในดาวดึงส์เทวโลกนั้นแล้ว ได้ลงมาเกิดเป็นกษัตริย์มหาศาล มีทรัพย์ศฤงคารบริวารมากมี อุทยานและสระโบกขรณีเป็นที่ประพาส เป็นผู้สมบรูณ์ด้วยศักดานุภาพเฟื่องฟุ้งไปทั่ชมพูทวีป อีกทั้งจักได้เสวยอาหารทิพย์เป็นนิตย์นิรันดร

 

 

 

 

กัณฑ์ที่ 8 กุมาร มี 101 พระคาถา

เมื่อชูชกเดินทางตามที่อจุตฤาษีแนะนำ  เวลาเย็นก็ถึงเขาวงกตใกล้อาศรมพระเวสสันดร  แกก็ดีใจมาก  ตรึกตรองหาโอกาส จะเข้าพบพระเวสสันดร  เห็นว่าเวลานี้พระนางมัทรีกลับจากป่า หากไปขอจักไม่สำเร็จ  ควรไปเวลาเช้า  เมื่อพระนางมัทรีเข้าป่าแล้ว  ครั้นขอ สอง กุมารได้แล้ว  ก็จะรีบกลับก่อนพระนางมัทรีกลับจากป่า ดำริแล้วก็หลบเข้าไปนอนในซอกเขาเพื่อลี้ภัยจากสัตว์ ร้าย

คืนนั้นพระนางมัทรีฝันร้าย  เป็นลางบอกให้รู้ล่วงหน้าว่า  จะพลัดพรากจากพระโอรส  พระนางได้เฝ้าทูลถามพระเวชสันดร  ขอให้ทรงแก้ฝัน พระเวชสันดรก็ไม่ทรงแก้ ตรัสบ่ายเบียง ว่า มาตกระกำลำบากหลับนอนไม่ผาสุกเหมือนอยู่วัง  ก็ฝันไปตามสภาพยากไร้  พระนางหาแน้พระทัยเชื่อไม่ ดังนั้นครั้นรุ่งเช้า เวลาจะเช้าป่าเป็นห่วงพระโอรส จึงได้พาพระลูกเจ้า ทั้งสององค์มาฝากพระเวสสันดร  ให้ทรงช่วยดูแล ทั้งกำชับพระโอรสไว้แข็งแรง ไม่ให้ออกนอกบริเวณพระอาศรม จึงได้เข้าป่าแสวงหาผลไม้อันเป็นกิจวัตร ที่ทรงทำอยู่เป็นประจำวัน

ฝ่ายชูชกครั้นเห็นว่า เวลานี้พระนางมัทรีเข้าป่าแล้ว จึงได้เดินทางไปเฝ้าพระเวสสันดรที่อาศรม ทูลขอสองกุมาร  พระเวสสันดรก็ประทานให้  แต่ตรัสว่าขอให้รอพระนางมัทรีก่อน ให้ชูชกค้างสัก 1  ราตรีชูชกไม่เห็นด้วย ทูลว่า ถ้ารอพระนางมันทรีก่อน ให้ชูชกเป็นเหตุขัดข้อง พระเวสสันดรรับสั่งว่า เมื่อเอาสองกุมารไปจงเอาไปถวายพระเจ้าสัญชัยราช  ณ  พระนครสีพี   จะได้รับพระราชทานรางวัลมากชูชกค้านว่า  ถ้าไปพบพระเจ้าสันชัยราชอาจถูกจับได้ว่า ไปลักพระเจ้าหลานมา กับจะเป็นโทษ องการจะเอาไปใช้เป็นทาสเอง ขณะที่ชูชกทูลขอ สองกุมารอยู่นั้นชาลี  กัญหา   สองกุมารได้ยินกลัวจะถูกชูชกเอาตัวต่อ  จึงพากันหนีไปซ่อนตัวอยู่ในสระน้ำ เอาใบบัวบังศรีสะเสีย

เมื่อชูชกไม่เห็นสองกุมาร  ก็ทูลตรัส พ้อ พระเวสสันดร  จนท้าวเธอต้องเสด็จไปติดตาม  ครั้นทราบว่าไปซ่อนอยู่ในสระ  ก็ตรัสเรียกขึ้นมา แล้วตรัสปลอบโยนให้หายกลัว  และเศร้าโศก  พร้อมกับคาดราคาโดยสั่งชาลีกุมารไว้ว่า ถ้าจะไถ่ให้พ้นจากทาส สำหรับชาลีกุมาร  ต้องไถ่ด้วยทองหนัก แท่งหนึ่งหมื่นห้าพันตำลึง  ส่วนนางกัญหานั้นต้องไถ่ด้วยทาสชายหญิง  ช้าง ม้า โค  รถ อย่างร้อยละร้อย กับทองแท่ง หนัก 5 พันตำลึง แล้วทรงพามามอบให้ชูชก

ครั้นชูชกได้สองกุมารแล้ว  ก็เอาเถาวัลย์ผูกข้อมือสองกุมารไป เมื่ออิดเอื้อน ร้องไห้ ไม่ด่วนไปตามประสงค์ของแก แกก็ตีด่าตามประสาคนสันดานทราม ถึงกับดาลใจพระเวสสันดร ให้พลุ่ง ด้วยโทสะเกิดโทมนัส น้อยพระทัย  คิดจะประหารชูชก เอาพระโอรสคืนมาเสียแต่ก็กลับหักพระทัยด้วยขันติ ไว้ได้ ปล่อยให้ชูชก พาสองกุมารไปตามปรารถนา

จบความย่อ
ปี่พาทย์ทำเพลงเฉิดฉิ่งโอด

อานิสงส์

ผู้บูชากัณฑ์กุมารย่อมประสบความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนาครั้นที่ตายไปแล้วได้เกิดในฉกามาพจรสวรรค์    ในสัมยพระศรีอริยเมตไตรยมาอุบัติ  ก็จะได้พบศาสนาของพระอง๕แล้วบรรลุพระอรหันตตผล   พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้ง  4  ด้วยบุญราศีที่อบรมไว้

 

 

 

กัณฑ์ที่ 9 มัทรี มี 90 พระคาถา

รุ่งเช้าพระนางมัทรี เข้าป่าหาผลไม้ "เกิดเหตุแปลกประหลาดมหัศจรรย์ ผลไม้เผือกมันช่างหายากที่สุด ไม่ว่า จะเป็นมะม่วงมัน ลูกจันทน์ ลิ้นจี่ น้อยหน่า สาลี่ ละมุด พุทรา ไม่มีให้เก็บเหมือนดังกับวันก่อน นางรีบย้อนกลับเคหา ก็เกิดพายุใหญ่ จนมืดครึ้มไปทั่วทั้งป่า ท้องฟ้าสีแดงปานเลือดละเลง ทั้งแปดทิศปรากฎมืดมนไปหมดอย่างไม่เคยมี พระนางทรงห่วงหน้าพะวงหลัง เกรงจะมีภัยแต่พระเวสสันดรา

กัณหาและชาลีพระนางมัทรีรีบยกหาบใส่บ่ารีบเดินทาง พอถึงช่องแคบระหว่างเขาคีรี เป็นตรอกน้อยรอยวิถีทาง ที่เฉพาะจะต้องเสด็จผ่าน ก็พบกับสองเสือสามสัตว์มานอนสกัดหน้า เทวดาสามองค์แปลงร่างเป็นราชสีห์ เสือเหลือง เสือโคร่งสกัดทางนางไว้เพื่อมิให้พระนางมัทรีติดตามกัณหา ชาลีได้ทัน แต่ถึงกระนั้น เมื่อยามทุกข์เข้าบีบคั้น ความรักลูก ความห่วงพระภัสดา พระนางจึงก้มกราบวิงวอน ขอหนทางต่อพญาสัตว์ทั้งสาม เมื่อได้หนทางแล้ว พระนางก็รีบเสด็จกลับอาศรม

เมื่อมาถึงอาศรม ไม่พบกัณหา ชาลี พระนางก็ร้องเรียกหาว่า"ชาลี กัณหา แม่มาถึงแล้ว เหตุไฉนไยพระลูกแก้ว จึงไม่มารับเล่าหลากแก่ใจ แต่ก่อนร่อนชะไรสิพร้อมเพรียง เจ้าเคยวิ่งระรี่เรียงเคียงแข่งกันมารับพระมารดา เคยแย้มสรวลสำรวจร่า ระรื่นเริงรีบรับเอาขอคาน แล้วก็พากันกราบกรานพระชนนี พ่อชาลี ก็จะรับเอาผลไม้ แม่กัณหาก็จะอ้อนวอนไหว้จะเสวยนม ผทมเหนือพระเพลาพลาง เจ้าเคยฉอเลาะแม่ต่าง ๆ ตามประสาทารกเจริญใจฯ"

บัดนี้ลูกรักทั้งคู่ไปไหนเสีย จึงมิมารับแม่เล่า ครั้นเข้าไปถามพระเวสสันดรก็ถูกตัดพ้อต่อว่าต่าง ๆ จนพระนางมัทรีถึงวิสัญญีภาพสลบลง พระเวสสันดรทรงปฐมพยาบาลจนพระนางมัทรีฟื้น แล้วจึงแจ้งความจริงว่า พระองค์ได้ทรงยกลูกรักชายหญิงทั้งสอง มอบให้แก่ชูชกไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน พระนางก็อนุโมทนาซึ่งทานนั้นด้วย

จบความย่อ
ปี่พาทย์ทำเพลงทยอยโอด

อานิสงส์

ผู้ใดบูชากัณฑ์มัทรี เกิดในโลกหน้าจะเป็นผู้มั่งคั่ง สมบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติ เป็นผู้มีอายุยืนยาว ทั้งประกอบด้วยรูปโฉมงดงามกว่าคนทั้งหลายจะไปในที่แห่งใด ก็จะมีแต่ความสุขความเจริญทุกหนแห่ง

 

 

 

กัณฑ์ที่ 10 สักกบรรพ มี 43 พระคาถา

ท้าวสักกะ  อมรินทร์ ราชาแห่งเทวโลกชั้นดาวดึงส์ ทรงคำริว่า เมื่อวานนี้พระเวสสันดรพระราชทานโอรสสองพระองค์แก่ชูชกไป  ถ้ามีใครมาขอพระนางมัทรีอีก  พระองค์ก็จะพระราชทานให้  และพระองค์ก็จะต้องอยู่พระองค์เดียว  ไม่มีใครปฏิบัติบำรุง  จะลำบากมาก   เราควรจะแปลงเพศเป็นพราหมณ์ไปทูนขอพระนางมัทรีเสียก่อน  เมื่อได้รับพระราชทานแล้วก็ฝากไว้  ป้องกันมิให้พระองค์พระราชทานแก่ใครอีก  หากจะมีผู้มาขอภายหลัง  ทั้งยังเป็นทางช่วยส่งเสริมเพิ่มภริยาทานบารมี  ซึ่งพระองค์ยังไม่ได้ทรงบำเพ็ญให้ได้บำเพ็ญเสียให้บริบูรณ์ด้วย  เพื่อบรรลุ  พระสัมโพธิญาณ

ครั้นท้าวสักกะทรงดำริแล้วื ก็เสด็จลงมาโดยเพศพราหมณ์เดินทางเข้าไปเฝ้าพระเวสสันดร ทูลขอพระนางมัทรี พระเวสสันดรก็พระราชทานให้ พร้อมกับรับสั่งว่าพระนางมัทรีนั้น พระองค์รักใคร่ดังดวงเนตร แต่รักพระสัพพัญญุตญาณยิ่งกว่ามากจึงยินดีให้เสมือนแลกเอาสัพพัญญุตญาณไว้ แม้พระนางมัทรีก็ยินดีอนุโมทนาในการพระราชทานพระเวสสันดร เพื่อร่วมทานบารมีให้สำเร็จแก่พระสัมโพธิญาณเป็นเหตุให้แผ่นดินไหวเป็นอัศจรรย์

ต่อนั้น   ท้าวสักกะที่แปลงกายเป็นพราหมณ์    ก็ฝากพระนางมัทรีไว้ยังไม่รับไปขอใหอยู่ปฏิบัติพระเวสสันดรและตรัสบอกว่า  ตนมิได้เป็นพราหมณ์เข็ญใจ หากเป็นท้าวท้าวสักรินทร์ขอถวายพร8 ประการแก่พระองค์แล้วสำแดงกายปรากฏเหาะขึ้นสู้ท้องฟ้า

พระเวสสันดรก็ดีพระทัยทูลรับพร 8 ประการโดยดังนี้

1.  ขอให้พระบิดามีเมตตา

2.  ขอให้ปล่อยนักโทษ

3.  ขอให้อนุเคราะห์คนยากจน

4.  ขออย่าให้รู้อำนาจสตรี

5.  ให้พระโอรสมีอายุยืน

6.  ขอให้ฝนแก้ว7 ประการตกลงในเมืองสีพี

7.  ขอให้สมบัติในท้องพระคลังอย่ารู้หมดสิ้น

8.  เมื่อทิวงคตแล้ว ขอให้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต

ท้าวสักกะเทวราช  ก็ตัดประสิทธิ์ประสาทให้สมมโนรถและตรัสว่า  ในไม่ช้าพระชนกก็จะเสด็จออกมารับพระองค์คืนเข้าไปครองราชย์สมบัติอย่าทรงวิตกอาดูรพระทัย   อุตส่าห์บำเพ็ญเนกขัมมบารมีตามทางพุทธทางกูงสืบไปเถิดแล้วเสด็จกลับเทวโลก

จบความย่อ
ปี่พาทย์ทำเพลงกลม

อานิสงส์

ผู้บูชากัณฑ์สักกบรรพ  จะได้เป็นผู้เจริญด้วยลาภยศตลอดจนจตุรพิธภรทั้ง 4 คือ อายุ  วรรณะ  สุขะ พละ ตลอดการ

 

 

กัณฑ์ที่ 11 มหาราช มี 69 พระคาถา

เมื่อชูชกได้รับพระราชทานสองกุมาร คือ พระชาลี และพระนางกัณหาจากพระเวสสันดรแล้ว ก็พาเดินมาตามทางในป่าใหญ่ ค่ำลงที่ไหนก็ผูกสองกุมารไว้ที่โคนต้นไม้ ตัวแกปีนขึ้นต้นไม้ผูกเปลนอน เพื่อให้พ้นภัยจากสัตว์ร้าย หากจะพึงมีขึ้นในค่ำคืนนั้นๆ

ในเวลากลางคืน มีเทพบุตร เทพธิดา ๒ องค์ มีความสงสารสองกุมารมากจึงแปลงร่างกายคล้ายพระเวสสันดร  และพระนางมัทรี เดินมาพบกุมารทั้งสองแล้วก็จัดแจงแก้เถาวัลย์ที่ผูกมือออก จัดให้อาบน้ำชำระร่างกาย ให้บริโภคอาหารอันเป็นทิพย์ และให้นอนเหนือตัก กล่อมให้หลับสนิท ครั้นจวนสว่าง ก็จัดแจงผูกสองกุมารไว้เช่นเดิม แล้วก็อันตรธานไป พากันบำรุงสองกุมารโดยวิธีนี้ตลอดทางที่พักแรมในป่าทุกราตรี

ครั้นเวลาเช้า ชูชกลงจากต้นไม้ พาสองกุมารเดินทางต่อไป ค่ำลงที่ไหนก็พักแรมโดยวิธีการดังกล่าวข้างต้น ครั้นถึงทางแยกสองแพร่ง ทางหนึ่งจะไปนครกาลิงคะทางหนึ่งจะไปนครสีพี เทพเจ้าดลใจให้ชูชกหลงทางเดินไปทางนครสีพีตลอดเวลา ๑๕ ราตรี ชูชกก็พาสองกุมารถึงพระนครสีพี

ในคืนวันสุดท้าย  ที่ชูชกพาสองกุมารมาถึงนครสีพีนั้น พระเจ้ากรุงสัญชัยทรงสุบินในเวลาใกล้รุ่งว่า มีบุรุษหนึ่งนำดอกบัวงามสองดอกมาถวาย พระองค์ทรงรับไว้ด้วยพระหัตถ์แล้วยกขึ้นทัดพระกรรณ กลิ่นดอกบัวตลบชื่นพระนาสา แล้วทรงตื่นบรรทม โปรดให้โหรทำนายความฝัน โหรทำนายว่า จะทรงพบญาติที่สนิทในเร็ววันนี้ พระองค์ทรงปราโมทย์ยินดี ครั้นได้เวลาก็เสด็จออกมาประทับยังหน้าพระรานหลวง ไม่ช้า ชูชกก็พาสองกุมารมาถึงหน้าพระที่นั่งเทพเจ้ากำบังมิให้ใครรู้จักทักท้วงห้ามปรามแต่อย่างใด จนพระเจ้ากรุงสัญชัยทอดพระเนตรเห็นสองกุมาร ก็โปรดให้อำมาตย์นักการไปนำชูชกและสองกุมารไปเข้าเฝ้า โปรดให้ชูชกเล่าถึงการนำสองกุมารมาแต่เขาวงกตจนถึงนครสีพี ต่อจากนั้น ก็โปรดให้เบิกพระราชทรัพย์มาไถ่พระชาลีและพระกัณหา  ตามพิกัดค่าที่พระเวสสันดรกำหนดไว้ ซึ่งพระชาลีกราบทูลถวายให้ทรงทราบทุกประการ

พระเจ้ากรุงสัญชัย ยังพระราชทานปราสาทให้ชูชกพักเป็นรางวัลทั้งสาวสนมกำนัน จัดโภชนาหารอันประณีตมาบำรุงบำเรอให้บริบูรณ์ ทุกเวลาแล้ว โปรดให้เจ้าพนักงานเชิญพระชาลีและพระนางกัญหาเข้าห้องสรงชำระพระองค์ให้หมดจดต้องสุคันธรสวารี ตกแต่งพระอินทรีย์ด้วยเครื่องกษัตริย์ คืออาภรณ์โขมพัสตร์ และสร้อยสุพรรณรัตนสังวาลย์ แล้วอันเชิญเข้าสู่พระราชพิธีสมโภชรับขวัญในการจากป่าหิมวันต์เข้าสู่พระนครด้วยสวัสดี

ต่อนั้นพระเจ้ากรุงสัญชัย จึงทรงปราศรัยถามพระชาลีถึงทุกข์สุขของพระเวสสันดร พระชาลีก็รำพันความทุกข์ร้อนของพระบิดาและพระมารดา ตั้งต้นแต่การแสวงหาผลไม้และรากไม้ในป่าอันเป็นความทุกข์ทรมานสุดประมาณ ก่อให้เกิดความสงสารแก่พระอัยกาเป็นอย่างหนักเพิ่มพูนความรักในพระโอรสด้วยระลึกถึงความหลัง จึงตรัสว่า ใช่อัยกาจะชิงชังแล้วขับพระพ่อเจ้าก็หาไม่ หากเพราะชาวเมืองมันใส่ไคล้ให้ปู่เชื่อด้วยมารยา ปู่จึงขับพระบิดาและมารดาให้นิราศไปหิมพานต์พระชาลีจึงทุลสารวิงวอนพระเจ้ากรุงสัญชัย ให้ยกแสนยากรครรไลไปรับพระบิดาและพระมารดากลับคืนยังพระพาราสีพี พระอัยกา ก้ทรงยินดีดังคำพระนัดดาจึงตรัสสั่งพระขันธ์ไปเขาวงกต ไปเชิญพระโอรสทั้งสองกลับคืนมาครองธานีก็พอดีชุชกนักภิกขาจารกินอาหารเกินขนาด เตโชธาตุไม่ย่อยพยุงชีวิตในที่สุดก็ดับจิต ชีวิตตักษัยพระเจ้ากรุงสัญชัยจึงให้ประกาศทายาทของชูชก มารับมรดกที่ได้รับพระราชทานไว้ เมื่อไม่มีผู้ใดมารับก็โปรดให้นำกลับเข้าเป็นของหลวงตามประเพณี

ครั้นใกล้เวลา ให้เคลื่อนยีทวยทหาร ก็พอดีพระเจ้ากรุงกาลิงคะโปรดให้พราหมณ์นำคชสารปัจจัยนาคที่พระเวสสันดรทรงบริจาคถวายไป กลับคืนถวายมายังนครสีพี พระเจ้ากรุงสัยชัยก็ทรงเปรมปรีดิ์ปราโมทย์ ให้นำช้างปัจจัยนาคเข้ากระบวนทัพ เพื่อใก้รับพระเวสสันดรยังสิงขรเขาวงกต ตามกำหนดรุ่งอรุณราตรี โปรดให้พระชาลีทรงช้างปัจจัยนาค นำกระบวนทัพ เสียงช้างม้าร้องฆ้องแตรกระแสศัพท์ดังสนั่นมี่ ครั้นได้ฤกษ์ กษัตริย์ทั้งสี่คือ พระเจ้ากรุงสัยชัย พระนางเจ้าผุสดี พระชาลี และ พระนางกัณหา พร้องด้วยกระบวนทัพ ก็ยาตราจากพระนคร มุ่งหน้าตรงยังสิงขรเขาวงกต ซึ่งเป็นที่ตั้งอาศรมบทแห่งพระราชฤาษี ได้ห้าสิบสามราตรีจึงถึงอาศรมสถาน แห่งพระเวสสันดร และมิ่งเยาวมาลย์มัทรี ซี่งทรงเพศพระฤาษีสังวร สำรวมใจสมควรแก่วิสัยผู้ประพฤติพรหมจรรย์นั้นแล

จบความย่อ
ปี่พาทย์ทำเพลงกราวนอก

อานิสงส์

ผู้บูชากัณฑ์มหาราช จะได้มษุษย์สมบัติ สวรรค์และนิพพานสมบัติเมื่อเกิดเป้นมนุษย์ จะได้เป็นราชา เมื่อจากดลกมนุษย์ไป ก็จะได้เสวยทิพย์สมบัติในฉกามาพจรสวรรค์ มีนางเทพอัปสรเป็นบริวาร ครั้นบารมีแก่กล้าก็จะได้นิพพานสมบัติ อันตัดเสียซึ่งชาติ ชรา พยาธิ มรณะ พ้นจากโอฆะทั้งสามมีกาโมฆะ  เป็นต้น

 

กัณฑ์ที่ 12 ฉกษัตริย์ มี 36 พระคาถา

เมื่อพระเจ้ากรุงสัญชัย ทรงดำเนินทัพไปตามระยะทางไม่เร่งร้อนทรงอาศัยพระชาลีกุมารนำทางมาโดยลำดับเป็นเวลา 1 เดือน 23 วันก็ถึงเขาวงกตใกล้อาศรมพระเวสสันดร แล้วโปรดให้หยุดพักอยู่ในที่ใกล้สระโบกขรณีมุจลินทร์ให้บ่ายหน้ารถกลับพระนครสีพี ด้วยสุดที่หมายปลายทางแล้ว เสียทหารทั้ง 4 เหล่าโห่ร้องกึกก้องกัมปนาท สะเทือนสะท้อนลั่นป่าพระหิมพานต์ พระเวสสันดรทรงสดับเสียงทวยทหารบันลือลั่นเช่นนั้นก็ทรงตกพระทัย คิดไปว่าชะรอยจะเป็นอริราชข้าศึก ยกมาตีพระนครสีพีได้แล้วก็รีบเดินทัพมุ่งมาจับพระองค์ไปประหารพระชนม์ชีพ ตรัสชวนพระนางมัทรีขึ้นไปแอบดูทหารบนภูเขา แม้อย่างนั้นแล้ว ก็ทรงแน่นพระทัยว่าเป็นข้าศึกใหญ่อยู่ ถึงกับทรงพระ-กันแสงกับพระนางมัทรีว่า ถึงวาระของพระองค์จะต้องสิ้นพระชนม์ครั้งนี้แล้ว

ไม่มีวิธีหลีกเลี่ยงให้พ้นได้เพราะเวรกรรมแต่ปางก่อน ส่วนพระนางมัทรีไม่มีเห็นร่วมด้วย เห็นไปว่าเป็นกองทัพของพระราชบิดายกมารับกลับพระนครจึงมีหน้าตาเบิกบานยิ้มแย้มแจ่มใส ทูลพระเวสสันดรว่า กองทัพที่ยกมาหาใช่เป็นอริราชศัตรูติดตามมาจับไม่ชะรอยจะเป็นทัพของสมเด็จพระราชบิดา ยกมารับกลับพระนครเป็นแน่สมดังกระแสพระดำริที่ทรงคิดไว้แล้ว และสมกับพรที่ท้าวสักกอมรินทร์ทรงประทานไว้ด้วย เพราะทวยทหารที่ยกมาแต่งเครื่องเป็นมงคล  ไม่ใช่ลักษณะออกศึก ขอพระองค์อย่าได้กินแหนงแคลงพระทัยเลย พระเวสสันดรกลับได้สติ เพ่งพิจารณาทหารตามคำทูลของพระนางมัทรี ก็ทรงเห็นสอดคล้องด้วยมีความปิติโสมนัส ชวนพระนางมัทรีเสด็จลงจากภูเขามาประทับนั่งที่หน้าพระอาศรม ทำพระทัยให้มั่นคง มิใช้ความยินดีดานใจให้ฟูจนลิงโลดออกมาทางกาย วาจา ให้เสียภูมิปราชญ์คอยต้อนรับพระราชบิดาด้วยพระอาการปกติก่อนเสด็จเข้าไปพบพระเวสสันดร พระเจ้ากรุงสันชัยทรงสั่งกับพระนางเจ้าผุสดีว่าเราทั้งหมด ไม่ควรจะด่วยเข้าไปพบพระเวสสันดรพร้อมกันคราวเดียว ควรจะเข้าไปเป็น 3 คราว คือคราวแรกพี่เข้าไป คราวที่สองให้ผุสดีไป คราวหลังใช้ชาลีกันกัณหาเข้าไป เมื่อเข้าไปเป็นระยะเช่นนี้ จะช่วยผ่อนความเศร้าโศกให้เบาบางได้ ครั้นตรัสแล้วก็เสด็จดำเนินไปที่พระอาศรมพร้อมด้วยราชบริพารด้วยอาการสงบ เมื่อพระเวสสันดรและพระนางมัทรี ได้ทอดพระเนตรเห็นก็พากันลุกออกมาต้อนรับ ทูลเชิญให้เสด็จเข้าประทับที่พระศรมถวายบังคมแทบพระบาทเบื้องต้นได้ทูลถามถึงทุกข์ส่วนพระองค์ ต่อนั้นก็ถามถึงพระโอรสทั้งสองก่อนใครหมดแล้วจึงได้ถามถึงพระนางผุสดีพระราชมารดาถัดไปจึงถามถึงชาวพระนครสีพี

พระเจ้ากรุงสัญชัยตรัสบอกแล้ว ได้ตรัสถามถึงทุกข์สุขพระเวสสันดร และพระนางมัทรี ครั้งทรงทราบถึงความยากลำบากยากแค้นที่พระโอรสทั้งสองเล่าถวายก็ทรงพระกันแสงด้วยความสงสาร ต่อนั้นพระนางเจ้า

ผุสดีก็เสด็จเข้าไปและต่อไปสองกุมารก็เสด็จเข้าไปยังอาศรมเมื่อได้ปะกันแล้วกษัตริย์ทั้งหกพระองค์ได้รับความดีใจและความเสียใจ อย่างรุนแรงได้ทรงกันแสงสุดจะประมาณตลอดทั้งทวยทหารและเสวกามาตย์ ที่มาประชุมในที่นั้น สามารถทำพนาวันให้บันลือสนั่นทั่วหิมวันตประเทศ ท้าวสักกะเทเวศรจึงทรงบันดาล ให้ฝนตกลงมาประพรม ให้ชื่นบานพระทัย ยังกษัตริย์ทั้งหกและมหาชนทั้งหลายให้สร่างโศก เพราะอัญญมัญญวิปโยกดังพรรณนามา

ต่อมามหาอำมาตย์ราชปุโรหิต จึงได้พร้อมกันทูลอัญเชิญให้ พระเวสสันดรทรงลาผนวชเสด็จไปครองราชย์สมบัติในพระนครสีพี ซึ่งทวยราษฎร์ ทั้งมวลมีความยินดีพร้อมกัน ถวาย ให้พระองค์เป็นกษัตริย์ปกครองราชอาณาจักรสืบไป

จบความย่อ
ปี่พาทย์ทำเพลงตระนอน

อานิสงส์

ผู้บูชากัณฑ์ฉกษัตริย์ จะได้เป็นผู้เจริญด้วยพร 4 ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ทุกๆชาติแล

 

 

กัณฑ์ที่ 13 นครกัณฑ์ มี 48 พระคาถา

เมื่อพระเวสสันดรราชฤาษีได้สดับคำพระราชดำรัสเชื้อเชิญให้ลาผนวชออกไปครองราชย์สมบัติ  ก็รับสั่งทูลพ้อพระราชบิดา  ประวิงการรับอาราธนาไว้พลางก่อนว่าเมื่อกระหม่อมฉันปฎิบัติราชกรณียกิจโดยทศพิธราชธรรม  ไฉนพระราชบิดาจึงลงโทษเนรเทศจากพระนคร  มารับความทุกข์ยากแค้นแสนสาหัสในพงไพรไม่สมควรเลยพระเจ้าข้า?

พระเจ้ากรุงสัญชัยตรัสสารภาพรับผิด  เป็นด้วยพ่อเขลาหลงเชื่อคนยุยงลงโทษลูกซึ่งหาความผิดมิได้  ตรัสขอขมาโทษ  แลตรัสวอนพระราชโอรส  ให้ลาผนวชออกไปรับราชสมบัติ

ต่อนั้นพระเวสสันดรจึงทรงรับเชิญ  ทรงลาผนวชพร้อมทั้งพระนางมัทรี  เสด็จเข้ามงคลพระราชพิธีราชาภิเษก  ในมงคลสถานซึ่งเจ้าพนักงานจัดสร้างขึ้นในบริเวณอาศรมนั้น  ครั้นได้ฤกษ์กำหนดกาลกลับคืนเข้าพระนคร  ก็ทรงเครื่องราชูปโภคแบบพระมหากษัตริย์เสด็จนิวัติกลับพระนคร  พร้อมด้วยพระเกียรติยศอันยิ่งใหญ่ด้วยจาตุรงคเสนาพร้อมด้วยสรรพาวุธเสด็จขึ้นคชสารปัจจัยนาคช้างพระที่นั่งท่ามกลางเสนามาตย์ราชบริพาร  เดินทางรอนแรมมาอย่างสบายมิได้เร่งร้อน  เป็นเวลาสองเดือนก็ถึงพระนครสีพีซึ่งได้รับการตกแต่งให้งดงามเป็นอย่างด้วยธงชัย  และต้นกล้วยต้นอ้อยสองข้างมรรค  ประชาชนพากันมาต้อนรับเนืองแน่นโห่ร้องถวายพระพรชัยให้ทรงพระเจริญในพระราชสมบัติอย่ารู้โรยรา  ทั้งพระนางมัทรีราชชายา และพระชาลีพระนางกัณหาตลอดพระบรมวงศานุวงศ์ทั่วกัน

เมื่อพระเวสสันดรเสด็จขึ้นปราสาทแล้วรับสั่งประกาศให้ชาวเมืองปล่อยสัตว์ที่กักขังไว้ให้หมด  ครั้นเวลาราตรีก็ทรงรำพึงว่า  พรุ่งนี้ประชาชีต่างก็จะแตกตื่นกันมาคอยรับพระราชทานแล้วจะได้สิ่งใดแจกจ่ายให้แก่ประชาชนทั้งหลายเหล่านั้นทันใดนั้นท้าวโกสีย์ทรงทราบความปริวิตกของพระเวสสันดรแล้ว  ก็ทรงบันดาลฝนแก้ว  7  ประการให้ตกลงในพระนครสีพีสูงถึงหน้าแข้ง  เฉพาะในพระราชวังท่วมถึงเอวพระเวสสันดรทรงประกาศให้ประชาชนมาขนเอาไปตามปรารถนาเหลือนั้นก็ให้ขนเข้าท้องพระคลังหลวง

พระเวสสันดรเสด็จเถลิงราชสมบัติปกครองพระนครสีพีโดยทศพิธราชธรรมให้บ้านเมืองเป็นสุขตลอดพระชนมายุ  เมื่อสิ้นพระชนแล้วก็ขึ้นไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตเทวโลก

จบความย่อ
 ปี่พาทย์ทำเพลงกลองโยน

ผู้บูชากัณฑ์นครกัณฑ์  จะได้เป็นผู้บริบูรณ์ด้วยวงศาคณาญาติ ข้าทาส  ชายหญิง  ธิดา  สามี  หรือบิดามารดาเป็นต้น  อยู่พร้อมหน้ากันโดยความผาสุก  ปราศจากโรคาพาธทั้งปวง   จะทำการใดๆก็พร้อมเพรียงกันยังการงานนั้นๆให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

Advertising Zone    Close

Online: 1 Visits: 43,862 Today: 4 PageView/Month: 66

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...