พระเวสสันดรชาดก
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  |  
 ตะกร้าสินค้า (0)

กัณฑ์ที่ 1 ทศพร มี 19 พระคาถา

จำเนียรกาลมา พระนางผุสดีเทพอัปสรสิ้นบุญ จะต้องจุดติ ท้าวสักกะ พระสวามี ทรงทราบ จึงพาพระนางไปประทับยังสวนนันทวัน ในเทวโลก เพื่อความสำราญพระทัยแล้วตรัส บอกว่า บัดนี้เธอสิ้นบุญ จะต้องจุดติ ไปบังเกิดเป็นมนุษย์แล้วฉันให้พร 10ประการ  เธอจึ่งเลือกตามใจชอบเถิด

พระนางผุสดี ได้ทูลขอพร 10 ประการ  ตามที่พอใจดังนี้

1.  ขอให้หม่อนฉันได้อยู่ในปราสาททอง ขอพระเจ้า สีวิราชพระนครสีพี
   2.  ขอให้หม่อนฉันมีจักษุดำ ดุจนัยน์ตาลูกเนื้อ
   3.   ขอให้หม่อนฉันมีคิ้วดำสนิท
   4.  ขอให้หม่อนฉันมีนามว่า  ผุสดี
   5.  ขอให้หม่อนฉันมีพระโอรสที่ทรงเกียรติยศเหนือกษัตริย์ทั้งหลายและมีใจบุญ
   6.  ในเวลาทรงครรภ์ ขออย่าให้ครรภ์ ขอหม่อนฉันนูนปรากฏ ดังสตรีสามัญ
   7.  ขอให้หม่อนฉันมีถันงาม ในเวลาทรงครรภ์ก็อย่ารู้ดำและต่อไป ก็อย่าให้หย่อนยาน
   8.  ขอให้หม่อนฉันมีเกศาดำสนิท
   9.  ขอให้หม่อนฉันมีผิวงาม
 10. ขอให้หม่อนฉันทรงอำนาจ ปลดปล่อยนักโทษได้

ท้าวสักกาเทวราช ก็ทรงประสาทพระพรให้สมประสงค์

จบความย่อ
ปี่พาทย์ทำเพลงสาธุการ

อานิสงส์

ผู้ใดบูชากัณฑ์ทศพร ผู้นั้นจะได้รับทรัพย์สมบัติดั้งปรารถนา ถ้าป็นสตรี จะได้สามีเป็นที่ชื่นชอบเจริญใจ  บุรุษจะได้ภรรยาเป็นที่ประสงค์เช่นเดียวกัน  จะได้บุตรหญิงชายเป็นคนว่านอนสอนง่าย  มีรูปกายงดงาม  มีความประพฤติดี  กิริยาเรียบร้อยทุกประการ

 

 

 

 

กัณฑ์ที่ 2 หิมพานต์ มี 134 พระคาถา

เมื่อพระนางผุสดี เทพอัปสรจุติจากสวรรค์ลงมาเกิดเป็นราชธิดาของพระเจ้ามัททราช ครั้นเจริญวัยก็มีสิริรูปงามสมตามที่ปรารถนาไว้ เมื่อมีพระชนมายุได้ 16 พรรษา ก็ได้รับอภิเษกให้เป็นมเหสีของพระเจ้าสัญชัยสิวิรัฐนคร แคว้นสีพีรัฐสมดั่งคำพระอินทร์นั้น ครั้งเมื่อทรงพระครรภ์ครบ ๑๐ เดือน พระอินทร์ก็ทูลอาราธนาพระโพธิสัตว์มาจุติในครรภ์พระนาง ประสูติพระกุมาร

วันหนึ่งพระนางผุสดี ทรงทูลขอพระราชาประพาสพระนคร เมื่อขึ้นสีวิกาเสลี่ยงทองเสด็จสัญจร ไปถึงตรอกทาง ของเหล่าพ่อค้าก็เกิดปวดพระครรภ์ และทรงประสูติพระราชาโอรสกลางตรอกนั้น พระราชกุมารจึงได้พระนามว่า "เวสสันดร"

ในวันที่พระราชกุมารทรงประสูติ พญาช้างฉัททันต์ได้นำลูกช้างเผือกเข้ามาในโรงช้างต้น ช้างเผือกคู่เผือกคู่บารมี นั้นมีนามว่า "ปัจจัยนาเคนทร์" พระราชกุมารเวสสันดร ทรงบริจาคทานตั้งแต่ ๔-๕ ชันษา ทรงปลดปิ่นทองคำ และเครื่องประดับเงินทองแก้วเพชรให้แก่นางสนมกำนัลทั่วทุกคนถึง ๙ ครั้ง เพื่อมุ่งหวังพระโพธิญาณภายภาคหน้า เมื่อทรงเจริญชันษาได้ ๙ ปี ก็ทรงตั้งจิตอธิษฐานว่าจะบริจาคเลือดเนื้อ และดวงหทัย เพื่อมุ่งพระโพธิญาณ ในกาลข้างหน้าอย่างแน่วแน่ ครั้นถึงวัย ๑๖ พรรษา ก็แตกฉานในศิลปวิทยา ๑๘ แขนง ทรงได้ขึ้นครองราชย์ และอภิเษกกับพระนางมัทรี และมีพระโอรสกับพระธิดาพระนามว่า "ชาลีกุมาร" และ "กัณหากุมารี" อันหมายถึง ห่วงทองบริสุทธิ์

เวลาต่อมาเมืองกลิงครัฐเกิดกลียุค ฝนแล้งผิดฤดูกาลข้าวยากหมากแพงเป็นที่ยากเข็ญทุกข์ร้อนไปทั่ว ชาวนครมาชุมนุมร้องทุกข์หน้าวังกันแน่นขนัด พระเจ้ากลิงคราชจึงทรงถือศีล ๗ วัน เพื่อขอบุญกุศลช่วย ทว่าฝนฟ้าก็ยังแล้งหนัก อำมาตย์จึงทูลให้ทรงขอช้างเผือกแก้วปัจจัยนาเคนทร์ของพระเวสสันดร ด้วยว่าพระเวสสันดรกษัตริย์สีพีรัฐนั้นขี่ช้างคู่บารมีไปหนใด ก็มีฝนโปรยปรายชุ่มชื้นไปทั่วแคว้น

พระเจ้ากลิงคราชจึงส่ง ๘ พราหมณ์ไปทูลขอช้างแก้วจากพระเวสสันดร เมื่อได้ช้างแก้วจากพระเวสสันดรแล้ว พราหมณ์ก็ขี่ช้างออกจากกรุง บรรดาชาวนคร เห็นช้างพระราชาก็กรูกันเข้าล้อม และตะโกนด่าทอจะทำร้ายพราหมณ์ทั้ง ๘ คน แต่พราหมณ์ตวาดตอบว่า พระเวสสันดรพระราชทานช้างให้พวกตนแล้ว

เมื่อพราหมณ์นำช้างแก้วไปถึงเมือง ฝนฟ้าก็โปรยปรายลงมาเป็นที่ยินดีทั้งแคว้น

แต่ในกรุงสีพีนั้นกลับอลหม่าน มหาชนต่างมาชุมนุมที่หน้าพระลานร้องทุกข์พระเจ้ากรุงสัญชัยว่า พระเวสสันดรยกพระยาคชสารคู่บ้านเมืองให้คนอื่น ผิดราชประเพณี เกรงว่าอีกต่อไปภายหน้าอาจยกเมืองให้คนอื่นก็ได้ ขอให้เนรเทศพระเวสสันดรออกจากนครเถิด

จบความย่อ
ปี่พาทย์ทำเพลงตวงพระธาตุ

อานิสงส์

ผู้ใดบูชากัณฑ์หิมพานต์ย่อมได้สิ่งปรารถนาทุกประการ ครั้นตายแล้วได้ไปบังเกิดในสุคติโลกสวรรค์ เสวยสมบัติอันมโหฬาร มีบริวารแวดล้อมบำรุงบำเรอ อยู่เป็นนิตย์ จุติจากสวรรค์แล้วจะลงมาเกิดในตระกูลขัตติยะมหาศาล หรือตระกูลพราหมณ์มหาศาล อันบริบูรณ์ด้วยทรัพย์ศฤงคาร บริวารมากมายนานาประการ เช่น โค กระบือ ช้าง ม้า รถ ยานพาหนะจะนับจะประมาณมิได้ ประกอบด้วยสุขกายสบายใจทุกอิริยาบถฯ

 

 

 

กัณฑ์ที่ 3 ทานกัณฑ์ มี 209 พระคาถา

 เมื่อพระนางผุสดี  ทรงทราบว่า พระเวสสันดรโอรส ถูกประชาชนกล่าวโทษว่าพระราชทานช้างปัจจัยนาคเป็นทาน และถูกลงโทษให้เนรเทศจากพระนครสีพีก็พระทัย รีบเสด็จมาพบพระเวสสันดรและนางมัทรี ปรับทุกข์กันอยู่ ก็ทรงพระกันแสง โศกาอาดูร แล้วเสด็จเข้าเฝ้าพระเจ้ากรุงสัญชัย ทูลขอประทานอภัยโทษก็ไม่สำเร็จ ด้วยท้าวเธอตรัสว่า ให้เนรเทศ ตามกฎของธรรมศาสตร์ราชประเพณี

ครั้นพระนางผุสดีทรงสดับก็จำนน ก่นแต่โศกร่ำไรรำพันมากมายตามวิสัยมารดาที่รักบุตร ตลอดสาวสนมกำนัลนาง และประชาชนที่รักใคร่ พากันอาลัยทั่วหน้า

รุ่งขึ้นได้เวลา พระเวสสันดรก็ทรงบริจาคสัตสดกมหาทาน คือ การให้ครั้งใหญ่ โดยกำหนดไว้สิ่งละ 700 คือ

1.  ช้าง  700  เชือก
          2.  ม้า  700  ตัว
          3.  โคนม  700  ตัว
          4.  รถ  700  คัน
          5.  นารี  700  คน
          6.  ทาส  700  คน
          7.  ทาสี  700  คน
          8.   สรรพวัตถาภรณ์ต่างๆ อย่างละ  700
          9.  ที่สุดแม้สุราบาน  ก็ได้ประทานแก่นักเลงสุรา

เสร็จแล้วก็ทรงพานางมัทรี  ไปทูลลาพระชนก และพระชนนีเพื่อออกไปบำเพ็ญพรตอยู่เขาวงกต พระเจ้าสัญชัยขอให้พระนางมัทรี พระชาลี และนางกัณหาอยู่ พระนางมัทรีไม่ยอมอยู่ ทั้งไม่ยอมให้ลูกอยู่ด้วยเป็นอันถูกเนรเทศด้วยทั้งหมด

รุ่งขึ้นพระเวสสันดร พระนางมัทรี พร้อมด้วยพระโอรสทั้งสองก็เสด็จ ทรงม้าพระที่นั่งเสด็จออกจากนคร  บ่ายพระพักตร์เข้าสู่ไพร ก่อนที่จะละพระนครไป  ทรงหันกลับมามองพระนครด้วยความอาลัย แล้วก็เสด็จประเวศ ยังไม่ทันพ้นเขตชานพระนคร  ก็ทรงประทานม้าและรถแก่พราหมณ์ที่วิ่งตามมาทูลขอ  และต่างองค์ก็ทรงอุ้มพระโอรสดำเนินเข้าไป โดยตั้งพระทัยไปเขาวงกต

จบความย่อ
ปี่พาทย์ทำเพลงพญาโศก

อานิสงส์

ผู้บูชากัณฑ์ทานกัณฑ์   จะบริบูรณ์ด้วยแก้วแหวนเงินทอง ทาส ทาสี และสัตว์สองเท้าสี่เท้า ครั้นตายแล้วจะได้ไปเกิดในฉกามาพจรสวรรค์ มีนางเทพอัปสรแวดล้อมมากมาย  เสวยสุขอยู่ในปราสาทแล้วด้วยแก้ว 7 ประการ  

 

 

 

 

กัณฑ์ที่ 4 วันประเวศน์ มี 57 พระคาถา

พระเวสสันดร พร้อมด้วยพระนางมัทรี และพระโอรสเสด็จดำเนินจาก พระนครสีพีด้วยความลำบากตลอดทาง ที่สุดก็ถึงเมืองเจตราชดังประสงค์ จึงแวะเข้าประทับพักพระกายอยู่ที่ศาลาหน้านคร

ครั้นชาวนครเจตราชได้เห็น และทราบความจริงก็ตกใจรีบส่งข่าวสารกราบทูลกษัตริย์นครเจตราช ต่อนั้นบรรดากษัตริย์ขัตติยวงศ์ทั้งหมด ก็พากันเสด็จออกมาเฝ้าเยี่ยม แล้วทูลว่า

เทว  ข้าแต่พระร่มเกศตระกูลแก่นกษัตริย์  อันว่าสิ่งสรรพพิบัติบีฑา พระร่มเกล้ายังค่อยครองพาราเป็นบรมสุข  สิ่งสรรพทุกข์ย่ำยีทั้งองค์สมเด็จพระชนนีนาถยังค่อยเสวยสุขนิราศโรคันตรายทั้งประชาชนชาวสีพีราชทั้งหลายไม่เดือดร้อน ยังค่อยเป็นสุขถาวรอยู่ฤาพระพุทธเจ้าข้า?

นุ  ดังเข้ามาสงกากินแหนงในยุบลเหตุ ดังฤาพระจอมปิ่นปกเกศมาเดินไพรนิราศร้างแรมไร้พระพารา ปราศจากจตุรงค์คณานิกรราชรถ ทั้งม้ามิ่งมงคลคช ที่เคยทรง มาดำเนินแต่สี่พระองค์ดูอนาถ   ฤาว่ามีหมู่อินทร์ราชมาราวี  เสียพระนครสีพีพินาศแล้ว  ทูลกระหม่อมแก้วจึงจากพรากพลัดขัตติวงศ์มาบุกป่าฝ่าพงพูนเทวษจนถึงนคเรศ ข้าพระบาทของพระองค์จงตรัสประภาษให้ทราบเกล้า แต่ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงเถิด

พระเวสสันดรได้ทรงสดับสาร จึงมีพระราชบรรหารเฉลยเหตุว่า ดูกรพระสหายผู้ผ่านนคเรศเจตราช เราขอบพระทัยที่ท่านไต่ถามถึงประยูรญาติราชปิตุรงค์ ซึ่งท้าวเธอก็ทรงสุขสถาพร ทั้งประชาชนชาวสีพีราชไม่เดือดร้อนระงับภัย ซึ่งเรานิราชเวียงชัยมาสู่ป่า เพราะว่าเราทรงพระราชศรัทธามาเสียสละ พระยาเศวตกุญชรพาหนะพระที่นั่งต้น อันเป็นสีสวัสดิ์มงคลคู่นคร แก่พราหมณ์ทิชากรกลิงคราษฎร์  ชาวพระนครเขามิยอมอนุญาตชวนกันกริ้วโกรธ ยกอธกรณ์โทษทูลพระปิตุเรศ ท้าวเธอจึงสั่งให้เนรเทศเราจากพระพาราด้วยเราทำผิดขัตติยราชจรรยาอย่างบุราณ

จ. พระพุทธเจ้าข้า  พระองค์เสด็จเดินพนัสกันดารดูลำบาก เป็นกษัตริย์ตกยากมิควรเลย ขอเชิญเสด็จหยุดพักพอเสวยสุทธาโภชน์สิ่งสรรพรสเอมโอชกระยาหาร ให้บรรเทาที่ทุกข์ทรมานลำบากองค์

ว. จึงตรัสว่า ประชาชนเขาแค้นเคืองทูลให้เนรเทศ เรานิราชมาแรมไพร พระบิดาก็มิได้เป็นใหญ่แต่พระองค์ ย่อมประพฤติโดยจำนงชาวสีพีราชถึงว่าท่านจะไปทูลให้ท้าวเธออนุญาตให้คืนกรุง ชาวเมืองก็จะหมายมุ่งประทุษจิตในสมเด็จบรมบพิตรผู้ร่มเกล้า เพราะเหตุด้วยรับเราเข้าคืนนคร

จ. พระพุทธเจ้า  เมื่อมิพอพระทัยคืนพระพิไชยเชตุดรก็ตามแต่พระอัยกาจะขอเชิญเสด็จขึ้นผ่านพระพาราเจตราช  เป็นจอมมิ่งมงกุฎ มาตุลนคร เป็นปิ่นปกประชากรเกษมสุข มิให้ท้าวเธอเสด็จไปทนทุกข์ที่กลางดง อันข้าพระบาทจะขอรองบทบงสุ์บรมกษัตริย์

ว. ครั้นพระองค์ได้ฟัง จึงตรัสบัญชาต่อว่า ซึ่งท่านจะมามอบเมืองเจตราช ให้แก่เราในครั้งนี้ เราก็มิได้มีพระทัยยินดีที่จะเสวยสิริสมบัติ ด้วยชาวเชตุดรเขาแค้นขัดให้เนรเทศ ท่ายจะมามอบนคเรศให้ครอบครองพระนครทั้งสองสิเป็นราชสัมพันธมิตร ก็จะเกิดกลวิปริตร้าวฉาน จากจารีตบุราณแต่ปางก่อน จะไม่สมัครสโมสรเสียประเพณี จะเกิดมหาโกลาหลเดือดร้อนทุกไพร่ฟ้าประชากรทั้งสองฝ่ายต่างจะมุ่งหมายประทุษกัน ก็จะเกิดมหาพิบัติภัยยันต์ไม่มีสุขเหตุด้วยเราผู้เดียว จะมานำทุกข์ให้ท่านทั้งปวง สมบัติอันใดในเมืองหลวงเจตราช ซึ่งท่านทั้งหลายมาอนุญาตยกให้  เราขอคืนถวายให้เสวยสุข ท่านจงอยู่นฤทุกข์อย่ามีภัย อันตัวเรานี้จะลาไปสู่วงกตจะทรงประพฤติพรหมพรตอิสีเพศ  เชิญท่านช่วยแนะแนววิถีทุเรศให้เราจรไปยังวงกตสิงขรโน้นเถิดฯ

เมื่อกษัตริย์เจตราชทั้งหลาย  ทูลเบี่ยงบ่ายจะเชิญเสด็จไว้  ครั้นแล้วท้าวเธอมิตามพระทัยก็สุดคิด  จึงทูลเชิญสมเด็จบรมบพิตรให้ประเวศพระนคร  หวังจะให้เสวยสุข  ไสยากรเกษมอาสน์  ต่อเวลาสุริโยภาสจึงค่อยครรไล

ท้าวเธอก็ถ่อมพระองค์ว่า  เข็ญใจไร้ศักดิ์มิได้เสด็จเข้าไปสำนักในพระพาราฯลฯ

ที่สุดกษัตริย์เจตราชก็ให้ตกแต่งศาลาที่ประทับปิดบังด้วยม่านแล้ว  ถวายอารักขาให้ดีที่สุด  จนสว่างแล้วถวายพระกระยาหารให้เสวย  ครั้นเสร็จแล้ว  ทูลอัญเชิญไปยังประตูป่า  ต้นทางที่จะไปยังเขาวงกตแล้วแนะนำมรรคาให้ทรงกำหนดหมายแล้วทรงตั้งเจตบุตรพรานไพร  ให้เป็นพนักงานรักษาประตูป่าถวายอารักขาคุ้มภัยให้เป็นพิเศษด้วย

ต่อนั้น พระเวสสันดรและพระนางมัทรีก็อำลากษัตริย์เจตราชอุ้มพระโอรสดำเนินไปตามแนวทางที่กษัตริย์เมืองเจตราชถวายคำแนะนำไว้ทรงพบพรานเนื้อพรานได้ถวายเนื้อย่าง พระเวสสันดรได้ประทานปิ่นทองเป็นรางวัลแล้วเสด็จต่อไปจนถึงเขาวงกต  พบศาลาอาศรมบทซึ่งพระวิษณุกรรม  เทพบุตรมานิรมิตตามเทวบัญชาของท้าวอัมรินทร์เทวาธิราช ก็ทรงโสมนัสที่สุด ทั้งสี่กษัตริย์ก็ทรงผนวชเป็นฤาษี สำนักอยู่ในอาศรมนั้นเสวยสุขตามควรแก่ถิ่นฐานทรงดำรงชีพด้วยผลาซึ่งนางมัทรีเป็นพนักงานแสวงหารจำเนียงกาลนานถึง ๗ เดือน   โดยกำหนด

จบความย่อ
ปี่พาทย์ทำเพลงพญาเดิน

อานิสงส์

ผู้บูชากัณฑ์วนประเวศน์  จะได้รับความสุขทั้งโลกนี้และโลกหน้า  จะได้เป็นบรมกษัตริย์ในชมพูทวีปเป็นผู้ทรงปรีชาเฉลียวฉลาดสามารถปราบอริราชศัตรูให้ย่อยยับไป

 

 

 

กัณฑ์ที่ 5 ชูชก มี 79 พระคาถา

สมัยนั้น ในแคว้นกาลิงคะ มีพราหมณ์คนหนึ่ง ชื่อว่า  ชูชก  อยู่ในบ้าน “ทุนวิฐะ”เป็นนักขอทานที่เชี่ยวชาญ  เที่ยวขอไปถึงต่างแคว้นก็เก็บทรัพย์ที่เหลือกินเหลือใช้ไว้ได้ถึง100  กหาปนะ ชูชกได้นำทรัพย์จำนวนนี้ไปฝากพราหมณ์ผัวเมียตระกูลหนึ่งไว้  แล้วเที่ยวขอทานต่อไปอีก

ต่อมาพราหมณ์ผัวเมียคู่นั้น  ได้เอาทรัพย์ของชูชกไปใช้สอยเสียหาย  ครั้นชูชกกลับมาขอทรัพย์คืน  ก็ขัดสนจนใจไม่สามารถจะหามาใช้ได้  ต้องยกนางอมิตตดาลูกสาวให้ชูชกแทนเงินที่เอาไปใช้  ชูชกพานางอมิตตดาไปอยู่บ้านทนวิฐะ  นางอมิตตดาได้ปฏิบัติชูชกในหน้าที่ภรรยาที่ดีทุกประการ

เมื่อชายในบ้านนั้นเห็นเข้า  ก็พากันสรรเสริญ  แล้วดุว่าภรรยาของตนที่เกียจคร้าน เอาแต่เที่ยวเล่น สู้นางอมิตตดาเป็นเด็กกว่าก็ไม่ได้  ครั้นหญิงทั้งหลายในบ้านนั้นถูกสามีตำหนิแทนที่จะรู้สึกตัว  กลับพากันเคียดแค้นชิงชังนางอมิตตดาชักชวนกันไปด่าว่านางอมิตตดาที่ท่าน้ำอย่างสาดเสียเทเสีย  หมายจะให้นางอมิตตดาหนีไปเสีย  หรือไม่ก็ควรประพฤติตนเข้าแบบของตน

นางอมิตตดาเสียใจ  จะเอาแบบชาวบ้านนั้นก็ไม่ชอบเพราะไม่เคยอบรมมาคับอกคับใจ   ในที่สุดเทวดาดลใจให้บอกชูชกไปขอชาลีกัณหาสองกุมาร  พระโอรสของพระเวสสันดรมาเป็นทาสช่วงใช้  แม้ชูชกจะแก่กว่าที่จะเดินทางไปเขาวงกตเพื่อขอสองกุมาร  แต่เมื่อถูกเมียสาวขู่บังคับเช่นนั้น  ก็ต้องฝืนใจไป   ในที่สุดชูชกก็หอบร่างแก่ไปถึงพระนครสีพี  เมืองของพระเวสสันดร  เพราะความลุกลี้ลุกลนใคร่จะเดินทางไปให้ถึงพระเวสสันดรโดยเร็ว  ทำให้ชูชกขาดความรอบคอบไม่เหมือนคราวก่อนๆ  ที่เดินทางมาขอทาน  เห็นกลุ่มชนที่ใดเป็นถามถึงที่อยู่ของพระเวสสันดรพร้อมทั้งแนวทางที่จะเดินไปให้ถึงที่หมายด้วย

ชาวเมืองสีพีเกลียดหน้านักขอทานเป็นทุนอยู่แล้ว  ดังนั้นก็พาโลรี่เข้าใส่ชูชกด่าว่าเจ้ามาเบียดเบียนพระเวสสันดรด้วยให้ท้าวเธอพระราชทานจนเกินไป  ถึงลูกขับไล่พระชายาและพระโอรสให้ออกไปอยู่วงกต  แล้วเจ้ายังจะกลับมาเอาอะไรอีกพากันหรือไม้ค้อนก้อนดินขับไล่ชูชกเข้าป่าไป

ฝ่ายชูชกหนีชาวเมืองสีพีขับไล่ไปทางเขาวงกตขณะเดินเลาะลัดไป  ถูกสุนักของเจตบุตรไล่ล้อม  ได้หนีขึ้นต้นไม้  นั่งบนคาคบร้องไห้รำพันถึงคุณพระเวสสันดรเป็นอย่างมาก

ฝ่ายเจตบุตร  เจ้าของสุนัขติดตามมา  เห็นชูชกอยู่บนต้นไม้ก็แน่ใจว่าชูชกจะมาร้าย  คือคงจะไปขอพระนางมัทรีหรือพระโอรสเป็นแน่  ก็พลันคิดว่าจะต้องฆ่ามันเสีย  จึงเดินเข้าไปใกล้พลางน้าวหน้าไม้ขึ้น  พร้อมกับร้องสันทับว่า  แน่พราหมณ์พวกแกเบียดเบียนพระเวสสันดรด้วยพระราชทานเกินไป  จนต้องถูกขับไล่จากแคว้นของพระองค์เสด็จไปอยู่เขาวงกต  มนุษย์บัดสบอย่างแก  ยังจะติดตามมาเบียดเบียนพระโอรสอีก  เหมือนนกยางย่องตามหาปลา  ฉะนั้น  ข้าจะไม่ไว้ชีวิตแก  จะยิงแกให้ตายด้วยหน้าไม้นี้

ชูชกตกใจกลัวตาย  จึงได้อุบายหลอกเจตบุตรพร้อมด้วยการขู่ว่าช้าก่อนเจตบุตร  ข้าเป็นพราหมณ์เป็นราชทูต  ซึ่งใครๆ ไม่ควรจะฆ่าจงฟังข้าก่อน  บุคคลไม่ควรฆ่าราชทูตนี้เป็นประเพณีมาเก่าแก่

ดูก่อนเจตบุตร  บัดนี้ชาวเมืองสีพีหายขัดเคืองแล้ว  พระชนกก็ปรารถนาจะพบพระเวสสันดรปิโยรส  พระชนนีก็ชรา นัยน์ตาก็มืดมน  ท้าวเธอให้ข้าฯ   เป็นราชฑูตมาเชิญพระเวสสันดรพระโอรสกลับ  ฉะนั้นเจ้าจงบอกแก่ข้าว่า  บัดนี้พระเวสสันดรอยู่ที่ไหน?

เจตบุตรดีใจหลงเชื่อในคำลวงชูชก  เชื่ว่าชูชกเป็นราชทูตพระเจ้ากรุงสัญชัยพระบิดาให้มาเชิญพระเวรสันดรกลับจริง  จึงผูกสุนัขทั้งหลายแล้วให้ชูชกลงจากต้นไม้ให้นั่งที่มีใบไม้ลาดให้โภชนาหารกินปฏิสันถารว่า  ท่านพราหมณ์ลุงเป็นราชทูตมาเชิญพระเวสสันดรที่รักของข้าฯ  ข้าฯ  จะให้กระบอกน้ำผึ้งและเนื้อย่างแก่ลุง  ข้าฯ  จะบอกสถานที่พระเวสสันดรประทับอยู่ให้

จบความย่อ
ปี่พาทย์ทำเพลงเช่นเหล้า

อานิสงส์

ผู้บูชากัณฑ์ชูชก  จะได้บังเกิดในตระกูลกษัตริย์  ประกอบด้วยสมบัติอันงดงามกว่าคนทั้งหลาย  จะเจรจาปราศรัยก็ไพเราะเสนาะโสต  แม้จะได้สามีภรรยา  และบุตรธิดาก็ล้วนแต่มีรูปทรงงดงามสอนง่าย

 


 

 

กัณฑ์ที่ 6 จุลพน มี 35 พระคาถา

เจตบุตรพราน  นายด่านประตูป่า  ฟังคารมชูชก  หลงเชื่อพอใจ  เลื่อมใสนับถือ ยำเกรง ถึงกับเสียสละอาหาร ต้อนรับเลี้ยงดูชูชกเต็มที่ แล้วก็พาชูชกไปยังต้นทางชี้บอกให้ชูชกกำหนดหมายภูเขา  และป่าไม้กับพรรณาความงามนานาพฤกษชาติสร้างความยินดีให้มีกำลังใจหายสะดุ้งหวาดกลัวภัยในป่า  ทั้งบอกระยะทางที่จะไปพบอาศรมฤาษี  ซึ่งเป็นดุจสถานีที่พักในการเดินทางคราวนี้  และจะได้รับความปราณีจากอจุตดาบสบอกทางให้ต่อไป  จนถึงอาศรมของพระเวสสันดร

จบความย่อ
ปี่พาทย์ทำเพลงคุกพาทย์

อานิสงส์

ผู้บูชากัณฑ์จุลพน  แม้จะบังเกิดในปรภพใดๆ  จะเป็นผู้สมบูรณ์ในสมบัติบริวาร จะมีอุทยานอันดารดาษดอกไม้หอมตลบไป  แล้วจะมีสะโบกขรณี  อันเต็มไปด้วยปทุมชาติ  ครั้นตายไปแล้ว  ก็ได้เสวยทิพย์สมบัติในโลกหน้าสืบต่อไป

 

 

Advertising Zone    Close

Online: 1 Visits: 43,877 Today: 13 PageView/Month: 81

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...